สวัสดีชาวโลก – -‘

Welcome to WordPress.com. This is your first post. Edit or delete it and start blogging!

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 1 ความเห็น

ตำนานเซ็งเป็ด

 
 

 

 

ตำนาน "เซ็งเป็ด"

 

อันที่มาที่ไปของคำว่าเซ็งเป็ดนั้น ไม่เป็นที่แน่ชัดนัก

ต่างถิ่น ต่างที่ ก็ต่างร่ำลือกันไปต่างๆนาๆ

ตามหลักฐานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบว่า "เซ็งเป็ด"

คือเรื่องราวชวนหวาดเสียวของชายเหนือชาย

ในเว็บบอร์ดโบราณชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศไทย ..

บ้างก็ว่า "เซ็งเป็ด" คือ คำพูดทอดถอนใจ

ที่ใช้เวลาทีมฟุตบอลที่มีสัตว์ปีกเป็นโลโก้ประสบกับความพ่ายแพ้…

บ้างก็ว่า "เซ็งเป็ด" เป็นอากับกริยาของชายใจกล้า

แอบที่ไปมีจั๊กก่ะเดี๋ยมกับเป็ด ( เฮ้ย ! นั่นมันเย็ดเป็ดไม่ใช่รึ !! )

หากแต่แท้จริงนั้น คำว่า "เซ็งเป็ด" นั้นมีตำนานเล่าขานมามากกว่า 100 ปีแล้ว

ตามตำนานกล่าวไว้ว่า….

เจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ยมีภรรยาชื่อไผ่เสี่ยวเมิ่น

ซึ่งเจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ยรักและทนุถนอมมาก แต่แล้ว…

ไผ่เสี้ยวเมิ่นกลับไปคบชู้สู่ชายกับฮัวซวี่เฉิน

เจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ยรู้เข้าจึงโกรธมาก จึงได้สาปให้ทั้งสองคนกลายเป็นเป็ด

และนำทั้งสองตัวมาต้มแกงกับซีอิ๊วหวานและเครื่องสมุนไพรมากินให้หายแค้น

ด้วยเหตุนี้ หากใครจะไปบนบานอะไรกับเจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ย

จะต้องนำเป็ดมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้เสมอ และเหตุนี้เอง

ในศาลเจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ยจึงมีแต่เป็ดอยู่เต็มไปหมด

ทั้งแบบต้มทั้งตัวและหั่นเป็นชิ้น

ในละแวกศาลเจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ย มีสลัมอยู่แห่งหนึ่ง

ซึ่งทุกเย็นลูกศิษย์ศาลเจ้าพ่อจะนำเป็ดที่ผ่านพิธีลาเครื่องเซ่นไหว้

ไปมอบให้กับชุมชนสลัมเป็นประจำ

ทุกคนในชุมชนนั้นก็ได้รับประทานเป็ดจนอิ่มหนำสำราญทุกวัน

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เจเนอเรชั่นจากรุ่นสู่รุ่น

ลูกเด็กเล็กแดงก็เริ่มเอียนกับเป็ดมากขึ้นทุกที

พราะมันไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย นอกจากเป็ดต้ม เป็ดต้ม เป็ดต้ม และก็เป็ดต้ม วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกมื้อทุกวัน หลังจากนั้นเป็นต้นมา

พอรถตู้จากศาลเจ้าไผ่สุ่ยเอี้ยขับมาจอดตรงหน้าชุมชนสลัมเมื่อไหล่

คนที่อยู่แถวนั้นก็พูดบ่นเสมอว่า "เป็ดอีกแล้ว เซ็งจังว่ะ"

แต่ก็ได้แค่บ่น เพราะถ้าไม่เอาก็หมายความว่าไม่มีอะไรจะกิน

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของคำว่า เซ็งเป็ด ซึ่งมีความหมายว่า สิ่งที่น่าเบื่อหรือน่าผิดหวังแต่ต้องเผชิญกับมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ป.ล. แกงที่เจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ยได้นำไผ่เสี่ยวเมิ่นกับฮัวซวี่เฉินมาต้มกิน

มีชื่อว่า "แกงพิโรธ" แต่พอนานไป คนไทยก็ออกเสียงเพี่ยนเป็น

"แกงพะโล้" ตั้งแต่นั้นมา

…………….

คุณจะเชื่อในตำนานบทนี้หรือไม่เป็นสิทธิ์ของคุณ ( เชื่อก็จี้แล้ว … )

 

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

ความสุขเล็ก ๆ

 
 

 

ความสุขครั้งนี้เริ่มต้นวันที่ 18 มิถุนายน 2552
…ที่ห้างแหลมทองบางแสน.
..

หลังจากที่กินข้าวมื้อกลางวันของวันนี้เสร็จ  กิจกรรมต่อไปคือการเดินซื้อของเล็กน้อย
ณ.ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก  ห้างนั้นคือห้างแหลมทอง (ใส่ใช่เยอะ)
แต่แล้วสายตาก้อต้องสะดุดกับแผ่นหลังของคนคนหนึ่งที่คุ้นตาของเราเป็นอย่างมาก
ด้วยความอยากรู้ว่าแผ่นหลังนี้คือใคร  และแล้วเค้าคนนั้นก้อหันมา  ใช่เค้าคนนั้นจิง ๆ ด้วย
ในที่สุดเราต้องทำสิ่งที่เราได้สัญญาไว้กับตัวเองแล้วใช่ไหม?  สิ่งที่อยากทำมาตลอด 3 ปี
ในวันนี้เราต้องทำให้มันเป็นจริงซักที

และแล้วปฏิบัตการล่าฝันก้อเริ่มขึ้น 
เค้าคนนั้นได้เดินละสายตาเราออกไปจากมุมกาแฟเล็ก ๆ แต่เราจะให้เป้นอย่างนั้นเหรอ
ไม่หรอกเราต้องทำอะไรซักอย่าง  พี่เอสุดสวยคือพี่ที่ออฟฟิตเป็นตัวช่วยเราในครั้งนี้

ไม่น่าเชื่อการขอเบอร์ใครซักคนมันช่างยากเย็นเสียกระไร 
ตอนนั้นหัวใจแทบหยุดเต้นเลยให้ตาย  ไม่น่าเชื่อว่าตัวเราจะกล้าทำได้ขนาดนี้
ตลอดเวลา 3 ปีกว่าที่เราแอบปลื้มเค้าคนนั้น  วันนี้แล้วซินะที่เราได้ยินเสียงของเค้าคนนั้น
เป็นครั้งแรกของเรา  เท่านี้เราก้อดีใจมากแล้วถึงจะไม่สมหวังก้อตาม
แต่ไม่เป็นอย่างนั้น  เราเริ่มการสนทนากัน (ซึ่งเราเป็นคนเริ่มต้น) ได้ซักพัก…
เราก้อได้สิ่งที่เราคิดว่าไม่น่าจะได้  เค้าคนนั้นยินดีให้เบอร์กับเราด้วย
แค่นี้หัวใจก้อพองโตมากมาย  มือที่เคยใช้การได้ปกติก้อเริ่มสั่นกับการกดเบอร์ของเค้าคนนั้น

ไม่น่าเชื่อว่าเราจะกล้าทำได้ขนาดนี้นะ
แต่อย่างน้อยเราก้อมีความสุขมากมาย  ที่อย่างน้อยชีวิตหนึ่งเราก้อได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ
ถึงแม้ในอนาคตจะไม่เป็นอย่างที่เราหวังลม ๆ แล้ง ๆ ไว้  แค่นี้ชีวิตเราก้อมีความสุขมากแล้ว
ขอบคุณจิง ๆ ขอบคุณสำหรับความกล้าครั้งนี้  และขอขอบคุณ คุณพี่เอเป็นอย่างมาก

โพสท์ใน หนังสือ | 3 ความเห็น

ความรักกับรองเท้า

 
 

 

….. ความรักกับรองเท้า… 

นิยามความรักของคุณคืออะไร….
ส่วนของเรา…ความรัก ก็เหมือนกับ "รองเท้า"
รองเท้าแตะส่วนมากขายตามร้านทั่วไปดังนั้นเวลาเราไปเห็นก็
ไม่เคยจะนึกสนใจมีคนเสนอขายให้ราคาถูกๆ ก็ไม่เคยคิดจะซื้อ
แต่พอจำเป็นเข้าจริงๆ ก็ต้องไปซื้อมาแก้ขัดก่อนอยู่ดี

รองเท้าบางคู่สบายใหม่ๆ อาจรู้สึกสบายแต่ถ้าใส่นานๆ เข้า
อาจจะรู้สึกว่ารองเท้าคู่นี้ไม่เหมาะกับเรา อยากจะถอดทิ้งเสียเหลือเกิน
รองเท้าบางคู่ลองใส่ที่ร้านแล้วรู้สึกแปลกๆ
อาจมีบ้างที่คับไป หรือ หลวมไป แต่ใครจะรู้ว่าบางทีพอใส่ไปซักพัก
หนังอาจจะขยายพอดีกับเท้าของเราจนรู้สึกว่าดีเหลือเกิน
ที่ตอนนั้นตัดสินใจเลือกคู่นี้
รองเท้าบางคู่ ดูภายนอกอาจตลกแต่พอใส่แล้ว อาจจะรู้สึกดีก็ได้
 
รู้มั๊ยว่าบางทีเมื่อมันมาอยู่คู่กับเท้าของเรา
อาจจะทำให้ทั้งเท้าของเราและรองเท้าดูดีผิดหูผิดตาไป
ส่วนรองเท้าคู่ไหนที่เห็นคนอื่นใส่แล้วดูดี
ก็ไม่แน่เสมอไปว่ามาอยู่กับเราแล้วจะดีเหมือนอยู่กับคนอื่น

….เคยเจอมั๊ย…ใครที่มีรองเท้ามากมายเกินความจำเป็น
เขาเหล่านั้นก็คงจะไม่รู้ว่าคู่ไหนเป็นคู่โปรด
ตราบเมื่อเค้าได้เสียรองเท้าคู่นั้นไป
ซึ่งมันก็อาจจะสายไปเสียแล้วที่จะทวงคืน
 
แล้วรองเท้าตามโรงแรมล่ะ
รองเท้าสาธารณะเหล่านั้นที่ได้ผ่านเท้าของผู้คนมามากมาย
บางคู่อาจยังใหม่  บางคู่อาจดูโทรม

ส่วนบางคู่อาจจะนำพาโรคมาสู่ผู้ที่ใส่  แต่รองเท้าสาธารณะเหล่านี้
มีความเหมือนกันอยู่อย่างนึงคือ ยากมากจนเรียกว่าแทบจะไม่มีเลย
ที่จะมีคนมาขอซื้อเป็นเจ้าของ นอกเสียจากซื้อไว้ดูเล่น
ซึ่งก็จะไม่มีทางได้สัมผัสกับ ความรัก
ระหว่างเจ้าของกับรองเท้า…เฮ้อ…น่าสงสาร….
 
…รองเท้าที่เหมาะกับเรา หาไม่ยาก และไม่ง่าย
แต่ถ้าเดินไปแล้วเจอคู่ที่ถูกใจ  อยากบอกว่า ให้รีบตัดสินใจซื้อ
ก่อนที่จะถูกคนอื่นมาชิงตัดหน้าไปก่อน
ซึ่งรองเท้าคู่นั้นอาจจะเป็นคู่เดียวในโลกที่เหมาะกับเรามากที่สุดก็ได้
 
ส่วนรองเท้าบางคู่ที่ไม่เหมาะกับเรา ใส่แล้วไม่รู้สึกสบาย
ขอแนะนำว่าอย่าพยายามใส่ต่อไปอีกเลย มีแต่จะทำให้เราทรมาน
เพราะในที่สุดเราก็ต้องโยนมันทิ้งไปอยู่ดี
 
  ..รองเท้าสมัยใหม่ ดูแล้วกิ๋บเก๋
แต่รองเท้าสมัยเก่าใส่แล้วก็ดูดีไปอีกแบบ
จะสมัยไหนก็ช่าง ขอให้ใส่แล้วสบายที่สุด
แล้วเมื่อเจอแล้วจงใส่มันอย่างถะนุถนอม จะได้อยู่กับเราไปนานเท่านาน
 
แต่ที่แน่ๆ…คุณจะไม่มีวันได้รู้หรอกว่ารองเท้าคู่ไหน
เหมาะกับคุณที่สุดจะเมื่อคุณได้ลอง ใส่มันเท่านั้น
..วันนี้คุณได้เจอรองเท้าที่คุณคิดว่าเหมาะกับคุณที่สุดหรือยัง..
พยายามเสาะหาต่อไปเถอะนะ
 
เราเชื่อว่าซักวันคุณจะได้เจอรองเท้าคู่ที่ดีที่สุดสำหรับคุณอย่างแน่นอน…
…อย่าเลยนะ…อย่าพยายามเดินเท้าเปล่าเลย
เพราะบนถนนมีสิ่งที่เป็นอันตรายต่อเท้าของคุณมากมาย
หารองเท้าซักคู่มาใส่ป้องกันก่อนดีกว่า
แม้ว่าคู่นั้นอาจจะยังไม่ใช่คู่ที่ดีที่สุดสำหรับคุณก็ตาม…
แล้วซักวันนึง คุณก้อจะเจอคู๋ที่ดีที่สุดที่คุณอยากจะใส่มันตลอดไป

โพสท์ใน ความบันเทิง | ใส่ความเห็น

พอเพียง เพียงพอ

 
 

 

 
พอเพียง…เพียงพอ
 
แก่นแท้ของชีวิตที่พอเพียง…
หาใช่การถอยหลังเข้าคลอง
หาใช่นิยามความเชย ที่คนรักวัตถุนิยมแอบคิดอยู่ในใจ
หากแต่คือการใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล
และพอประมาณเพียงความสุขขั้นพื้นฐาน
บางครั้งคนที่ได้ครอบครองกระเป๋าใบละ  หลายหมื่น
ก็ไม่ได้บ่งบอกอะไรนอกจากรสนิยมของเจ้าของ
(ที่ดีหรือเปล่า ? คงเป็นอื่นเรื่องหนึ่ง) 
บางครั้งคนที่ได้ครอบครองกระเป๋าใบละ 5 หมื่น
ก็ไม่ได้บ่งบอกอะไรนอกจากรสนิยมของเจ้าของ
(ที่ดีหรือเปล่า?คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) 
ผู้คนเดินขวักไขว่สวนกันไปมาอย่างรีบเร่งจนลืมมองท้องฟ้า
ลืมมองคนที่เดินผ่าน มองเข้าไปลึก ๆ แล้ว
คนเราก็เพียงแค่วิ่งตามความสุขที่อยู่บั้นปลายชีวิตเท่านั้น
ด้วยความเชื่อที่ถูกฝังแน่นอยู่ในหัวว่า  ชีวิตที่ต้องทำงาน
และดิ้นรนแก่งแย่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอดปลอดภัยในภายภาคหน้า
บางคราวัตถุที่เป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งความสุขที่มนุษย์อุปโลกน์ขึ้นมา
ก็เป็นเพียงแค่ความฉาบฉวยครั้งคราว ลมพัดก็ปลิวไปตามลม
นอกจากจะไม่ยั่งยืนอยู่ทนยังมาเอาจิตวิญญาณเราไปด้วย
 
 
     ความสุขที่ยั่งยืน…
ไม่ได้อยู่ไกลจนถึงขนาดต้องวิ่งตาม
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ เพียงแค่เก็บเกี่ยวและเดินช้า ๆ 
เพื่อลองฟังเสียงหัวใจเต้นดูบ้าง ชีวิตที่ฟูฟ่าที่ว่าดีนักหนานั้น  
ไม่ใช่วิถีดีที่เหมาะสมอย่างยั่งยืนแต่อย่างใด
สุขแบบตูมตามครั้งเดียว  แล้วหาไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต
หรือจะสู้สุขทีละนิด แต่สุขนาน ๆ ได้ 
ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่เคยหรูหรา มาสู่วิถีสามัญที่ยั่งยืนดีกว่า….
 
     โดยสารอย่างหรูหรา
หรือแค่ถึงที่หมายหลายคนมีรถยนต์ไว้ใช้งานจริง  ๆ
แต่ก็มีอีกหลายคนมีรถยนต์เป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์  ประดับบารมี 
ประโยชน์ของมันที่แท้แค่เพียงส่งเราถึงที่หมายในแต่ละวัน 
แต่สิ่งที่ต้องแลกคือน้ำมันอันแพง 
ประหนึ่งทองกับมลพิษที่ต้องพ่นระบายออกไปในอากาศ 
หากมองถึงเพียงประโยชน์และหน้าที่ของรถยนต์  
นั่งรถโดยสารประจำทางก็เหมือนกัน ถึงที่หมายได้เหมือนรถยนต์
แม้จะต้องแลกด้วยเหงื่อเพียงเล็กน้อย  และอาจต้องตื่นเช้ามากกว่าเดิม
ได้เดินมากขึ้น  แต่สิ่งที่ได้คือ แข็งแรงขึ้น  เห็นโลกมากขึ้น  
เพราะบนรถเมล์มีผู้คนทุกระดับประทับใจ ประหยัดขึ้น 
ทำให้การจราจรในเมืองหลวงแออัดน้อยลง มลพิษน้อยลง 
ขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้าไม่ได้ลำบากยากเข็ญเกินกว่าแรงเราจะรับไหว 
เป็นเพียงหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่ต้องพบเจอทุกวันเป็นเรื่องธรรมดา
 
     กินแค่อยู่ หรือมีชีวิตอยู่เพื่อเอาแต่กิน… 
บางคนมีความสุขกับการได้กินของแพง 
กินของนอก  ทั้งที่รสชาติและคุณค่าไม่ได้แตกต่างกัน 
ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตกินเพียงอิ่ม
แต่ครบถ้วนไปด้วยคุณค่าสารอาหารที่จำเป็นในชีวิต  
บริโภคอย่างพอเพียง เพื่อให้ชีวิตอยู่ได้อย่างเพียงพอ  
ของแพงไม่ได้แปลว่าอร่อย
ภัตตาคารหรูไม่ได้แปลว่าสะอาดกว่าฝีมือของแม่
ลองปลูกพืชผักสวนครัวกินเองดูบ้าง 
คุณอาจพบว่า เวลากินผลผลิตจากมือตัวเอง  ความภาคภูมิใจนั้น
เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดที่หากินที่ไหนไม่ได้ในโลก
 
     ช้อปปิ้งคือชีวิต…
คิดผิดมหันต์  แต่ละเดือน ๆ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเติมมาในบัตรเครดิต
คือการรูดซื้อเสื้อผ้า  ของประดับที่ไม่จำเป็นเลย  ในชีวิต
ลองพินิจดู  รางวัลชีวิตที่แท้จริงที่คุณควรปรนเปรอตัวเอง   
ไม่ได้มีอยู่แค่ในห้างสรรพสินค้า ตัดค่าใช้จ่ายในชีวิตที่ไม่จำเป็น 
ที่รังแต่จะทำให้ชีวิตคุณรกรุงรัง ซื้อของเท่าที่จำเป็น
ไม่ใช่เพียงในยุคน้ำมันแพง แต่ทุกยุคทุกสมัย 
เรื่องประหยัดเป็นเรื่องฉลาดที่คนเราควรหัดไว้ให้เป็นนิสัย
ใช้เงินประหยัด ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใช้
แต่หมายถึงใช้เงินให้คุ้มค่า  และมีประโยชน์สูงสุด
 
     กลับสู่ธรรมชาติ… 
ชีวิตฟู่ฟ่าในสังคมเมือง เป็นความโหวกเหวกท่ามกลางความโดดเดี่ยว
ต่างคนต่างทำหน้าที่ ขวนขวายแก่งแย่งได้มาแทบบ้าตาย 
หลายครั้งหลายคนอาจฉุกคิดได้ว่า  ตัวตนของคุณไม่ใช่แบบนี้
มองซ้ายเป็นตึก  มองขวาเป็นถนนที่เต็มไปด้วยควัน
กลับคืนสู่ถิ่นฐานบ้านเกิด  หรือลองศึกษาธรรมชาติดูบ้าง   
แรงบันดาลใจดี ๆ ในการใช้ชีวิตอาจมีมากขึ้น
 มีคนเคยกล่าวไว้  มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ 
กลับคืนเมื่อไหร่ก็ไม่มีวันขวยเขิน
 
     ใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์… 
มีความคิดสร้างสรรค์เป็นอาวุธทางปัญญา เทรนด์การตลาดที่ร้อนแรง
ก็ไม่อาจพรากเอาตัวตนของคุณกลมกลืนไปเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดได้  
มีวิจารณญาณในการบริโภค พูดง่าย ๆ คือ เลือกในสิ่งที่ชีวิตคุณต้องการ 
ไม่ใช่มีคนบอกว่า ชีวิตคุณต้องมีแบบนั้น ต้องการแบบนี้  
 
     ‘พอใจ’ แล้ว ใจจะพอเพียง…  
ภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ คนไทยมีอะไรหลายอย่างที่ต่างชาติไม่มี
แม้ในทางกลับกันเราก็อาจจะไม่มีในสิ่งที่เขาครบครัน
ความไม่มีไม่ได้หมายความว่าขาด  บางคราก็อาจจะไม่เหมาะกับวิถีของเรา
ระเบิดจากภายใน มองเรื่องเล็ก ๆ ใกล้ตัว 
แล้วขยายวงสู่เรื่องใหญ่ ๆ ระดับชาติ ชีวิตก็ดำรงอยู่ได้อย่างที่ควรจะเป็น
ไม่แก่งแย่ง ไม่แข่งขัน  เพียงช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
บ้านเราทำน้ำพริกอร่อย  ก็แบ่งปันให้ข้างบ้าน
ขณะที่ป้าข้างบ้าน แกงรสชาติดี ก็แบ่งให้บ้านเราช่วยชิมบ้าง 
หรือบางทีที่ไม่มีรถยนต์ขับ   อาจเป็นเพราะคุณไม่เหมาะกับการขับรถด้วยตัวเอง
 สินค้าแบรนด์เนมก็อาจไม่เหมาะกับบุคลิกของคุณก็เป็นได้
 
     แก่นแท้ของความสุข…
ไม่มีขายที่ห้างสรรพสินค้า สั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตก็ไม่ขาย
หัวใจที่เหนื่อยล้า เพราะมัวแต่วิ่งตามหาวัตถุ  ก็ไม่มีบริการสปาไว้บำบัด
หากแต่ต้องปลูกรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ย แล้วความสุขที่แท้
และยั่งยืนจะงอกงามตามวิถีธรรมชาติในหัวใจของคุณเอง. . . . .
 
 
โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

คุยเคย…ทำใครหล่นหาย

 
 

 

 คุณเคยทำใครหล่นหาย…ไปจากชีวิตหรือเปล่า?

เพื่อนที่ดีที่สุดคือ…..
คนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกัน

โดยไม่พูดอะไรกันซักคำ  แต่สามารถเดินจากไป
ด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทั้บใจที่สุด

+ + +

ใครหลายคนไม่กล้าเข้าไป ปลอบโยนให้คำปรึกษากับเพื่อน
เพราะคิดว่าเราไม่รู้จะบอกเค๊ายังไง เพราะเราเป็นแค่เพื่อน
"แต่ความจริงแล้ว…คุณเป็นตั้งเพื่อนต่างหาก"

+ + +

วันที่คุณเข้มแข็งและแข็งแรงพอ

อย่าลืมเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคนที่มีปัญหาด้วย
"เอาไหล่ให้เค้าพิง เอามือให้เค้าจับ"
100 คำพูด ดี ดี ไม่เท่ากับ 1 สัมผัสที่มีค่าหรอกนะ

+ + +

ก่อนที่วันนี้…คุณจะทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ
อย่าลืมสำรวจตัวเองก่อนว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา…
"คุณทำใคร? หล่นหายไปจากชีวิตหรือเปล่า?"
 
โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

ความรักของไส้เดือน

 

 

 
…ความรักของไส้เดือน…
 
 เจ้าไส้เดือน..น้อย คอยแหงนมองดอกไม้มานาน

ในใจคิดว่า..ดอกไม้ช่างงดงาม

…เจ้าดอกไม้..เจ้าก็ชื่นชมที่ผีเสื้อมาดอมดมทุกวัน

ไม่เคย..ไม่เคยมองลงพื้นดิน

ไม่รู้..ไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนที่คอย..รักยังจำได้ดี..

ตอนที่เจ้าดอกไม้เล็กอยู่..ไม่มีแรงอ่อนล้า..เจียนตาย

เจ้าหนอน..กัดกินทั้งใบ..และหัวใจของเธอ

ไส้เดือนตัวหนึ่ง..คอยมาพรวนดินเสมอดูแลอยู่ทุกวัน..ดอกไม้ไม่เคยรู้

เมื่อคราวเจ้าหนอนกลับมา..เป็นผีเสื้อโก้หรูดูเธอพอใจ แต่..ไส้เดือนเจ็บช้ำ

เธอรู้รึเปล่า..เมื่อเธอเฉามันก็ไป

เธอรู้รึเปล่า..เมื่อเธอเฉาไป ใครกันที่ห่วงเธอ

และไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไรจะร่วงโรย..แห้งเหี่ยว

ไส้เดือนไม่เคยรังเกียจเธอ..ไส้เดือนตัวนี้..รักเธอ

จะอยู่กับเธอ……จนเป็นดินไปด้วยกัน 

 
โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

เกาะขาม

 
 
07/11/2550
16.45 น.
ออกเดินทางออกจากหนองมนบ้านเกิดมุ่งหน้าสู่สัตหีบกับ 9 ชีวิตนักศึกษา  ด้วยรถเมล์สาย 57 (กรุงเทพฯ-ระยอง)
บรรยากาศบนรถแน่ขนัดไปด้วยผู้คนมากมาย (สุดท้ายทุกชีวิตที่ขึ้นไปก้อต้องขึ้นไปยืน…….ยกเว้นนังเบ็นซ์)
รถวิ่งได้ประมาณ 15 นาที ถึงหน้าโรบินสันศรีราชา  กรูกับอีก 7 ชีวิตที่รอคอยการนั่งก้อได้นั่งซะที……..
ตลอดทางที่รถวิ่ง คนแม่งไม่รู้มาจากไหนขึ้นมาบนรถกันจนแน่นขนัด  แทบจะหายใจไม่ออก
ระหว่างทางมีเพื่อนคนหนึ่งเปิดกระทู้เรื่อง เซอร์ไพส์  พวกกรูเค้นจนได้ความลับเรื่องนั้นออกมาก 
นังหอยพัทยา…หล่อนกล้ามาก เรื่องเซอร์ไพส์ของหล่อนเป็นไงล่ะ  ฉันเซอร์ไพส์สุด ๆ 555+
(ฉันไม่คิดไรหรอก  แกล้งแก่ขำ ๆ นะ  แต่น้ำเสียงแก่น่าสงสารดีว่ะ  อยากเห็นหน้าตอนนั้นจิง ๆ)
 
19.00 น.
กรูกับเพื่อน ๆ ได้เข้าใกล้จุดหมายปลายทาง (โลตัสสัตหีบ)  ก้อคนมันไม่รู้จักทาง บวกกับคนบนรถแม่งก้อแน่น
พอดีตากูลายมองเห็นคล้าย ๆ ค่ายทหาร  กรูหันไปถามจิ "จิ ๆ นี่ใช่ น.ย. หรือป่าว?"  จิตอบว่าไรไม่รู้แต่หูกรูได้ยิน  "ใช่"
(น.ย. คือจุดที่ต้องลุกขึ้นไปยืนรอเพื่อจะลงรถ)
พอได้ยินเช่นกะนั้นแล้ว  กรูก้อหันไปหาเพื่อน ๆ ทันทีแล้วพูดว่า  "ปะลุกเร็วใกล้ถึงแล้ว (มั๊ง)"  ไม่รู้เพื่อนได้ยินแบบที่พูดไหม?
แต่…. ทุกคนก้อลุกขึ้นแล้วตามมาด้วยดี……………….
ระหว่างทางลงนั้น…….คนบนรถยังแน่นอยู่เลย  ทุกชีวิตแบ่งพื้นที่เท่าหนูดิ้นตายให้พวกกรูเดิน …. แต่พวกกรูไม่ใช่หนู่นี่หว้า
แต่ละคนพยายามเบียดเซียดฝูงชน (หนุ่ม ๆ เทคนิคสัตหีบ) ออกมาเพื่อให้ถึงประตูรถ  วินาทีนั้น  ……..
กรูจินตานาการ "ถ้าพวกมันนะยืนหันหน้าเข้าหากันแล้วกรูเดินออกระหว่างกลางช่องที่มันยืน รับรองได้เลย 
กรูกับเพื่อน ๆ ท้อง กันทุกคน  แล้วไม่ต้องตามหาพ่อของเด็กเลยนะมรึง….หาไม่เจอแน่ ๆ เลย 
ดีที่มันหันก้นเข้าหากัน  แต่กะนั้นก้อเหอะ  ก้นเด็กเทคนิคแต่ละคนขอบอกงอนกว่าก้นกรูอีก 
แต่ละคนก้นแน่นเปรี้ย เด้งสู้กันทุกคน  (คงไม่ใช่กรูคนเดียวนะที่คิดเพื่อน ๆ กรูก้อคงคิดแต่ไม่มีใครกล้าพูดเหมือนกรู)
แต่…..อย่าคิดว่าเหตุการจะจบเพียงเท่านั้น
ปรากฏว่าสิ่งที่กรูเห็นนั้นมันมิใช่ น.ย. แต่อย่างใด  มันเป็นอะไรก้อไม่รู้………  ซึ่งอีกไกลมากกว่าจะถึง น.ย.
(รู้ที่หลังว่า ตอนกรูลุกนั้น ก่อนวันเตาถ่านเสียอีก อิอิอิ)
คิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น  คนบนรถยืนกันแน่นสองแถว  บวกกับ อีพวกทริปโลตัสไปอีกแถวเป็น 3 แถว 
รถ 57 ก้อปั่นปวนนะซิท่าน  คนจะลงก้อลงไม่ได้  คนบนรถก้ออึดอัดหายใจไม่ออก
(แต่ละคนบนรถนั่งด่าพวกกรูในใจกรูรู้  แต่ไม่สน  ทำไงได้  ก้อกรูไม่รู้นี่หว้า….)
โชคดีที่กรูยืนใกล้ประตูรถที่สุดสบายกว่าใคร (เพราะกรูคนนำนี่หว้า)  แต่ก้อมีน้องดรีมมายืนใกล้ ๆ
ด้วยความที่แสนจะอายไม่รู้ทำไรเลยคุยกับดรีมไปว่า  "อีกไกลไหมหว้ากว่าจะถึง???"
เท่านั้นเองก้อมีเสียงจากเมียน้อยกระเป๋ารถเมล์ (ไม่ใช่หรอกคนขึ้นรถแหละมันใกล้ลงเลยมายืนใกล้ ๆ ประตู) พูดขึ้นว่า
"อีกไกลมากกกกกกกกกกกกก น้อง น้องเล่นลุกแบบนี้  ใคร ๆ เป็นคนนำทริปนี้เนี้ยพี่อยากรู้จิง ๆ" 
ลากเสียงตามตัวหนังสือด้วยถึงจะเหมือนที่นังเมียน้อยฯ มันพูด  ไม่งั้นไม่สมจริงสมจัง
เท่านั้นเอง  ด้วยความที่เป็นคนยอมคน  ไม่กล้าพูดตอบโต้  ได้แต่พูดไปว่า
"ก้อมีแต่คนไม่รู้จักทางนี่  จะให้ทำไงได้ล่ะ"  ทำน้ำเสียงตามปกติแบบไม่สู้คนตามประสากรูเอง
มันไม่จบ ๆ ยังแรดตอบกลับมาอีกว่า "ทำมัยไม่ถามทางคนอื่นล่ะ  ก่อนลุกมา"
อี…เอ้ยกรูนั่งเบาะหลังสุด  ไอ้เด็กรถก้ออยู่หน้าสุดให้กรูตะโกนถามกับเครื่องปรับอากาศรถหรือยังไง…
ก้อกรูไม่รู้จักทาง บวกกับคนบนรถ(ผู้ชาย)มันเยอะจนกรูงงนี่ว่า แล้วมึงจะเอาไง ให้กรูลงไปกราบขอโทษไหม
สิ้นเสียงสุดท้ายที่มันตอบกลับกรูมา  กรูอึ้ง อีนี่กะไม่จบ  กรูก้อคิดคำที่จะไปต่อกับมันไม่ทันเพราะกรูอายมากตอนนั้น
คราวนี้นังเมียน้อยฯ ก้อจัดแจงจัดคนลงจากรถทันที  คนนั้นลงตรงนั้น  คนนี้ลงตรงนี้  แต่อีนี่ยืนขวางทาง อี…เอ้ย
ระหว่างนั้น  กระเป๋ารถเมล์โดยคนขับด่าคับท่าน  ว่าทำมันไม่จัดคน มันเลยขึ้นไปจัดคนพร้อมทั้งหาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร
สุดท้ายมันมาสรุปใกล้ ๆ พวกกรูว่า "ทริปโลตัส" นี่เองที่ทำรถมันปั่นปวน …..  อีห่ากรูอายจะตายอยู่แล้วไม่ต้องย้ำได้ไหม
ช่างมันกรูไม่สน  ซักพัก (ใหญ่ ๆ ถึงใหญ่มาก)  ก้อถึงที่ที่กรูลง  แต่กรูไม่มองไปทางรถเลยนะ  หันหลังให้แมร่งเลย
กัวคนบนรถมองด้วยสายตาเหยียดหยาม  ซักพักรถเมล์มรณะก้อวิ่งออกจากจุดที่มันปล่อยพวกกรูลง  ตรงจุดหมายที่กรูต้องการ
ถึงร้านอาหารที่พวกกรูต้องมาแล้ว (ร้านอิ่มจัง) …..กิน ๆ ๆ ๆ ระหว่างกินก้อเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง
กลายเป็นเรื่องตลกไปเลยที่กรูโดนคนประนามมานี่ ให้ตายซิเพื่อน ๆ  แทนที่จะช่วยกันอวยพรให้นังเมียน้อยกระเป๋ารถเมล์
พวกกรูก้อกิน บุปเฟ่ กันไป หมดไปประมาณ 3,200 บาท กับ 23 ชีวิตกระมั๊ง  ไม่แพงนะกรูกว่า….
 
21.30 น.
กลับถึงบ้านในค่ายทหาร (ค่าย ก.ร.)  ที่พักพวกกรูคืนนี้  บางคนอาบน้ำ  บางคนซักแห้งตามประสาเพื่อนอนเอาแรง
แต่…เหตุการณ์ไม่คาดฝันก้อเกิดขึ้น  เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ลุกขึ้นมาฝีกสมองด้วยการนับเลขกันแบ่งเป็นสองวง…
ได้ข่าวว่าน้องอ้อม  กะจะหาค่ารถกลับบ้าน (ได้ข่าวว่าน้องอ้อมเสีย) 
 
08/11/2550
09.30 น.
เพื่อน ๆ ทั้ง 23คน + 2 คนที่มาเพิ่มตอนเช้าก้อมาถึงที่ท่าเรือพร้อมขึ้นเรือเพื่อมุ่งหน้าสู่เกาะขาม
เรือที่นั่งเป็นเรือท้องกระจก  สำหรับการดูปะการังโดยเฉพาะ มั๊ง (สภาพน้ำซึม ๆ เข้ามาในตัวเรือ  กระจกทุกบานพร้อมจะแตก)
 
10.00 น.
เรือท้องกระจกถึงเกาะขาม  ระหว่างที่จะเข้าจอดคุงพี่คนขับเรือขับเรือพาดูปะการังหน้าหาด สวยดี สวยกว่ากรูดำดูเองอีก
ตอนกรูดำดูรอบที่แล้ว  สวยก้อไม่สวย  ว่ายน้ำไม่เป็นอุตสาห์อยากดู  เกือบตายเสียดายชีวิตแย่ถ้าตายไปรอบนั้น
(คงไม่ได้กลับมาครองรักกับพี่เป้อีกเป็นแน่แท้แล้วชีวิตนี้  ไม่งั้นนะพี่เป้แมร่งอยู่คนเดียวแน่เลย)
เล่นน้ำ บวกกับถ่ายรูปเป็นที่ระลึก (หรือป่าวเพราะไม่เห็นทะเลยเลยเห็นแต่หน้าพวกกรูกันทั้งนั้น)
เสียดายนังเจนนี่ไม่ได้มา  ไม่งั้นนะ หล่อนก้อได้มาถ่ายรูปกะพวกฉันแล้ว…  ไว้รอบหน้าแล้วกันนะมรึง
อ๋อลืมบอกไป  พี่คนขับเรือ…ตอนคับเรือช่วยปิดโทรสับได้ไหม  เพราะพี่แกคุยโทรสับก้อดับเครื่องเรือแล้วเมือไร
คุงน้องจะถึงซะที  รู้ป่าวว่าคนมันเมาเรือนะเฟ้ย………
 
15.00 น.
ทุกคนขึ้นจากน้ำ  ล้างเนื้อล้างตัวพร้อมจะกลับเข้าฝั่ง (เค้าห้ามสระผม  แต่ถ้าเค้าไม่รู้ไม่เป็นไรใช่ปะ  เพราะกรูสระ อิอิอิ)
 
16.00 น.
พวกกรู 9 ชีวิต (ที่มาพร้อมกันรอบแรก แต่เปลี่ยนจาก จิ เป็น หน่อย)  ได้ขึ้นรถเมล์ 57 (แต่ไม่ใช่คันเดิมนะเฟ้ย) กลับ
ระหว่างทางก้อตามเคย  ทางผ่านเทคนิคสัตหีบนี่หว้า  มันก้อขึ้นตามประสามัน  จะกลับบ้านนี่
กรูหลับคับท่าน  หลับยาว  แต่ระหว่างทางเหมือนรู้สึกว่ามีรังสีอะไรบางอย่างกำลัง ส่งผ่านมาถึงตัว
กรูมองไปตามรังสีนั้น  พบเด็กเทคนิคสองคนหน้าตาพอดูได้ (พี่เป้หล่อกว่าเยอะ)  กำลังคุยกันแล้วหันมาทางกรูเหมือนนินทา
ในใจกรูคิด  มันคงนินทาท่านอนกรูมั๊ง (กรูง่วง บวกกับตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองก้อดูไม่ดีอยู่ด้วยตอนนั้น) เลยแกล้งหลับต่อ
ด้วยท่าที่ดูดีขึ้นกว่าเดิมมั๊ง (กรูไม่รู้นี่ตอนนั้นไม่มีใครบอกกรูว่าดูดีหรือยัง  กรูคิดเอาเอง)
 
18.30 น.
รถเมล์ 57 เข้าจอดที่ตลาดหนองมนจุดหมายปลายทาง …
ข่าวดีเข้าหู… จำไอ้เด็กเทคนิคสองคนนั้นได้ปะ  แมร่งกรูรู้แล้วมันนินทาอะไรกรู 
มันจำกรูได้ว่ากรูเป็นคนทำรถ 57 ปั่นปวนตอนขาไป  ทำมัยโลกแมร่งกลมแบบนี้  แล้วทิศที่มึงเดินทางแม่งเสือกแปลก ๆ อีก
เพื่อนกรูบอกว่ามันนินทาว่า "นี่ไง…ผมเงา ๆ ที่ตอนนั้นอ่ะ (ระบุเพศของกรูลงไปในช่องว่างนะ)  ไอ้ห่าเสือกจำได้ทำมัยว่ะ
อย่างนี้มรึงสังเกตุกรูอยู่อ่ะดิ  ชอบผมกรูใช่ปะ  อยากมีผมแบบกรูหรอมรึง…..แอบหรือป่าวว่ะ
 
อ่ะกรูกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้ว   หวังว่าคงอ่านถึงตอนนี้กันนะเฟ้ย……..
ไปงาน Thanks พี่ ก่อน  แล้วจะเอารูปมาอวด  ใน spaces กะใน hi5 ติดตามกันนะ
 
ปล. สนุกดีเน้อว่าไหมเพื่อน ๆ ทั้งภาคปก ภาคเปเลย  เอาไว้คราวหน้าไปกันใหม่  แล้วทำเซ่อร์ไพส์กรูอีกนะ "หอยพัทยา"
 
 
โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

อักษร 44 ตัวกับความหมายคำว่าเพื่อน

 

 

 ก – เ ก็ บ เ ร า ไ ว้ ใ น ใ จ

ข – เ ข้ า ใ จ เ ร า

ค – ค อ ย เ ป็ น กำ ลั ง ใ จ ใ ห้ เ ร า

ง – ง้ อ เ ร า เ มื่ อ รู้ ตั ว ว่ า เ ข า ผิ ด

จ – จั บ มื อ เ ร า เ มื่ อ ต้ อ ง ก า ร กำ ลั ง ใ จ

ฉ – เ ฉ ย กั บ ค ว า ม ใ จ ร้ อ น ข อ ง เ ร า

ช – ช่ ว ย เ ห ลื อ เ ร า

ซ – ซื่ อ สั ต ย์ กั บ เ ร า ญ า ติ ดี กั บ เ ร า

 เ ส ม อ

ด – เ ดิ น เ คี ย ง ข้ า ง เ ร า

ต – ติ ด ต า ม ข่ า ว ค ร า ว ค ว า ม เ ป็ น ไ ป

 ข อ ง เ ร า

ถ – ไ ถ่ ถ า ม ทุ ก ข์ สุ ข

ท – ทำ ใ ห้ ชี วิ ต ข อ ง เ ร า เ ป ลี่ ย น ไ ป

ธ – ธั ม ม ะ ธั ม โ ม กั บ เ ร า

น – นั บ ถื อ เ ร า แ ล ะ น่ า รั ก ใ น ส า ย ต า

ข อ ง เ ร า

บ – บ อ ก ค ว า ม จ ริ ง แ ก่ เ ร า

ป – ป ล อ บ ใ จ เ มื่ อ เ ร า ท้ อ

ผ – ผ า ย มื อ ต้ อ น รั บ เ ร า เ ส ม อ

ฝ – ฝ า ก ค ว า ม จ ริ ง ใ จ ไ ว้ กั บ เ ร า

พ – เ พิ่ ม พ ลั ง ใ ห้ แ ก่ เ ร า

ฟ – ฟั ง เ ร า เ ส ม อ

ภ – ภู มิ ใ จ ใ น ตั ว เ ร า

ม – ม อ บ สิ่ ง ดี ดี แ ก่ เ ร า

ย – ย ก โ ท ษ ใ ห้ กั บ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด

ข อ ง เ ร า

ร – รั ก ที่ เ ร า เ ป็ น เ ร า

ล – ล ะ เ อี ย ด อ่ อ น กั บ ค ว า ม รู้ สึ ก

ข อ ง เ ร า

ว – ไ ว้ ใ จ เ ร า

ศ – ศึ ก ษ า นิ สั ย ที่ แ ท้ จ ริ ง ข อ ง เ ร า

ส – สั ง เ ก ต ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง

ใ น ตั ว เ ร า

ห – เ ห็ น คุ ณ ค่ า ข อ ง เ ร า

อ – อ ธิ บ า ย ใ น สิ่ ง ที่ เ ร า ไ ม่ เ ข้ า ใ จ

ฮ – เ ฮ ฮ า กั บ เ ร า ไ ด้ ทุ ก เ ว ล า 

 
โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

เข้ากับช่วงสอบดี

 
 
าถาเรียนเก่ง
ปาเจรา จริยาโหตุ ..สถานบริการสุรา.. ตำราบ่สน
ข้าฯ ขอเคารพน้อมสักการ แด่… ผับ เธคนาจารย์
และวีดีโอเอ็กซ์ศึกษา.. ทั้งอินเตอร์เนทผู้ประกาศวิชา
อบรมจริยา.. แก่ข้าในกาลปัจจุบัน
ข้าฯ ขอเคารพสุราทุกๆวัน …สามกลมหนึ่งวัน
หนึ่งวันเรียนสามวิชา ..ขอเดชเครื่องถ่ายเอกสารและโพยมา
อีกเครื่องมือสื่อสารพกพา… ปัญญาให้เกิดแตกฉาน
อุตส่าห์มานั่งเรียนทุกๆวัน ….เรียนไปก้อปวดกระบาล
ฉะนั้นอย่าเรียนมันเลย….. (กราบ)
………………………………………………………………………..
 
ความหมายของเกรด A-F (V.1)
>A = animal สมองน้อย
>B = basic ก็แค่พื้นๆ
>C = common ธรรมดา งั้นๆ
>D = diligent ฉลาด หลักแหลม
>F = fever เก่งจนเกิดกระแสความดัง
……………………………………………………………………………
 
ความหมายของเกรด A-F (V.2)
อันเกรด A เขาว่าเหมือนเช่นสัตว์ วันๆฟัดแต่ตำราน่าอดสู
A Animal สมองน้อยหงอยน่าดู สงสัยครู ให้ได้ไง ไม่ค่อยเจอ

B Basic ใครๆก็ทำได้ เพราะมันง่ายกันไปจนน่าขำ
คนว่า"เบ" เกินไปเลยไม่ทำ กลัวตอกย้ำความเบสิกสะกิดใจ 

C Common แบบนี้สิใช้ได้ คนทั่วไปยอมรับและนับถือ
เกรดแบบนี้ได้มาเรียก "ฝีมือ" แต่ก็ถือว่ายังอ่อนเกินไป 

D Deligent เกรดสุดฮิตของคนขยัน ฟิตทั้งวันแต่เลคเชอร์ไม่เคยสน
conc. วิชา จีบสาว ม่อเกินทน สุดยอดคน นายเยี่ยมมาก พูดจากใจ

เกรดใดๆไม่เท่า F Fever ได้กันเกร่อรู้ทั่วถึงไหนๆ
ใครได้มา ก็ Fever น่าชื่นใจ แล้วค่อยไป เรียนซัมเมอร์ ด้วยกันเอย

……………………………………………………………………….
ให้เครดิต คอมเม้นเพื่อน ๆ ใน hi5
 
 
โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น